การเขียนเรื่องตัวเองมันยากมาก เขียนไป เขียนมายาวสัด ถ้าคิดอะไรออกจะมาใส่อีก
- ขอบคุณที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี หาก 8 ชั่วโมงของเราที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าคงทรมานมากๆ ดราม่าคืออะไรไม่รู้จัก ถึงมีติดขัดบ้างในระดับที่จัดการได้ไม่น่ากังวลใจ ทุกคนได้เป็นตัวเองในแบบที่อยากเป็น บรรยากาศที่เราพูดอะไรตรงๆกันได้และไม่มีศักดินาในการทำงานใดใดทำให้การออกจากบ้านมาทำงานไม่เหนื่อยใจสำคัญมากๆ การอยู่ในที่ทำงานที่ส่งเสริมความหลากหลายมันดีกับสุขภาพจิตมากจริงๆ
- ความยุ่งมาช่วยถมความว่างเปล่าอันไร้ความหมายของชีวิต ปียุ่งมากกกกกกกกกกกกกกก พยายามที่จะไม่ทำงานล่วงเวลา จะไม่ยอมสละเวลานอน มีเวลากินข้าวกับพ่อแม่ มีเวลาเจอเพื่อน มีเวลาอ่านหนังสือ หาความรู้ ฝึกฝนในสิ่งที่ต้องการ
- ได้เรียนรู้ว่า Social Skills สำคัญมากๆ และจะสำคัญขึ้นเรื่อยๆ งานฝั่ง analytical และ routine จะลดลงเรื่อยๆ อนึ่ง ทักษะทางสังคมคือไม่ใช่เจ๊าะแจ๊ะตอแหลไปวันๆ อย่างว่างเปล่า แต่คือทักษะการทำงานร่วมกับมนุษย์คนอื่น เช่น coordination, negotiation, persuasion, and social perceptiveness อ่านประเด็นนี้ได้ที่นี่
- Unlock Mode: Dead inside บ้างแต่ไม่บ่อย Dead Inside คือการ Switch Off จิตวิญญาณของตัวเองไปชั่วคราว เพื่อให้งานที่มันต้องมี ให้มันเสร็จโดยเราไม่ invest อารมณ์กับมันมากเกินไป ทำๆ ไปเหอะ อย่าคิดมาก
- Turn rage into humor as fast as possible เปลี่ยนโกรธเป็นอารมณ์ขันและช่างแม่งให้ได้ไวๆ และดำเนินชีวิตต่อไป การเสพ meme ดาร์คๆ ห่าๆ เลวๆ เวรๆ หัวเราะกับเรื่องที่ควรรู้สึกผิด ช่วย push the boundary ของจิตใจ โคตรบรรเทาทุกข์ได้จริงๆ อิ่มใจในความพังและไม่สมบูรณ์ของมนุษย์
- เลิกติดกาแฟให้ได้ เราจะไม่พึ่งคาเฟอินมากเกินไป ย้อนไป 2016 เราไม่กินกาแฟด้วยซํ้า เข้าใจคนพึ่งพาสารเสพติดเป็นครั้งแรก เราต้อง sober ให้ได้
- ขอบคุณทุกคน หลายๆคนที่ให้โอกาสลองทำอะไรหลายๆ อย่าง คนอื่นมั่นใจในตัวเรามากกว่าตัวเราเองเสียอีก ดีใจที่ตัวเองมีฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์กับคนอื่นเหมือนกัน
- เป็นปีแรกที่ได้เขียนบทความให้คนอื่นอ่าน ทำให้ได้เรียบเรียงความคิดตัวเองให้จบ และได้ขุดในเรื่องที่สนใจแม้จะไม่มีประโยชน์กับใครเลย ได้มีเวลาที่อุทิศให้กับความสงสัยและสืบค้น ยังต้องฝึกให้ดีกว่านี้มากๆ feedback สำคัญมาก
- ดำรงชีวิตอยู่ใน oblivion ไม่ค่อยรู้ว่าใครโกรธหรือเกลียดเรา หรือมีใครที่เกลียดกันจนกว่าจะมีคนอธิบายให้ฟัง ใครที่ไม่ชอบหน้าเราก็ขอสมนํ้าหน้าเพราะว่าได้อุทิศเวลาและพลังงานให้กับเราแล้ว ขอบคุณที่สละเวลามาสนใจกัน 5555 เป็นคนชอบหนี conflict ควรแก้ไหม แต่ก็ตัดรำคาญดีนะ
- ได้เจอเพื่อนเยอะกว่าปีก่อน เพื่อนๆ ที่แยกย้ายกันไปได้ออกไปใช้ชีวิตกันตามพอใจ ตื่นเต้นที่ทุกคนโตขึ้น รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรชัดเจนขึ้น ทุกคนเติบโตอย่างงดงามในแนวทางของตัวเอง ยินดีกับความสำเร็จของเพื่อนทุกคน สนุกที่จะติดตามและอัพเดตกับเพื่อนๆ ในสิ่งที่เขาสนใจและสิ่งที่เขาตามหา การได้เจอคนที่เราสะดวกใจมันรู้สึกดีจริงๆ ต้องการบอทมาเตือนว่าไม่เจอใครนานไปแล้วนะ
- มีสัตว์เลี้ยงมันฝึก empathy จริงๆนะ หมาเราโง่มาก เคยปรึกษามดว่าทำไงดีหมาเราโง่มาก มดถามเรากลับว่า “มึงเอาหมาที่ฉลาดไปทำอะไรวะ” เออ นั่นดิ เลยพบความน่ารักของความโง่ แต่ไม่ได้ฝึกความรับผิดชอบ เพราะคนให้ข้าวก็ไม่ใช่เราอยู่ดี เบื่อๆ เดินมานั่งเล่นกับหมา แล้วรู้สึกเป็น source of dopamine ที่ดีจังเลย เป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิต หมาคือ dopamine machine ของฉัน
- มี identity crisis อยู่พักนึงว่า สรุปเราเป็นอะไร? career path ของเราคืออะไร? ตอนหลังก็ช่างมันเหอะ เป็นไรก็เป็น อยากทำสิ่งที่เราให้คุณค่าและความสำคัญให้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพกว่านี้อีก เริ่มรู้ว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร
- สิ่งที่วางแผนไว้ไม่ได้ทำเลย เป็นปีที่ผิดแผนไปหมด สิ่งที่ได้ทำก็ไม่อยู่ในแผนต้นปี จนรู้สึกตัวเองล้มเหลวในการมองเห็นอนาคต อาจจะเพราะเรา go with the flow มาก ใครชวนทำอะไรก็ลองทำดูก่อน แต่มันก็มีข้อดีที่ได้ลองทำสิ่งที่ตัวเองไม่คิดว่าจะทำได้ ยังมีเวลาทดลองอยู่ ไม่รีบ
- อยากจะรู้และเข้าใจคณิตศาสตร์และสถิติมากกว่านี้ จริงๆ เป็น goal ของปี 2017 แต่ทุกอย่างมาวุ่นวายมาก ขอผลัดเป็นปีหน้าละกัน อยากเข้าใจ business side มากกว่านี้ อยากมี skill programming จริงๆนะ ทุกวันนี้รู้แค่เบสิก HTML CSS เคยเป็นเป้าหมายของปีที่แล้วแต่มีงานอื่นๆมาแทรกไปก่อน
- manage เป็นปีแรกของชีวิต หากทำอะไรผิดพลาดไปก็ขอโทษด้วย หวังว่าเราจะพูดตรงๆกันได้ หวังว่าจะไม่มีใครรู้สึกไม่ถูกรับฟัง คนในทีมน่ารักจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เคยคิดว่าคนเก่งคือคนที่ทำทุกสิ่งได้เสร็จด้วยตัวเอง แต่การ manage คือการที่เราต้องทำให้คนอื่นให้ทำได้และภูมิใจในงานของเขา ขุด empathy อันน้อยนิดของตัวเองออกมาใช้เยอะมาก
- ทำงานออกแบบลดลง ใครชวนทำงานที่ใช้ฝีมือ ตัดสินที่ form/aesthetics ล้วนๆ คือจะไม่รับเลย กลัวห่วย ไม่มั่นใจใน craftmanship ของตัวเองเลย วันไหนเครียดมากๆๆๆๆ จะวาดเวคเตอร์เล่นๆ
- ชีวิตของเรามีงานเป็นส่วนใหญ่ เราชอบทำงานมากๆ (ไม่ได้หมายความว่าทำได้ดีนะ) ถ้าไม่ทำงานก็จะชอบอ่านหนังสือชอบอยู่บ้านจนการออกจากบ้านคือการเสียสละครั้งใหญ่อาจเป็นชีวิตที่น่าเบื่อมากๆสำหรับหลายคนแต่เราสุขมากและดีใจที่รักษาความสุขโดยสันโดษนี้ไว้ได้ พอไปเที่ยวนานๆ ก็รู้สึกว่าไม่เติมเต็ม ชอบผลิตอะไรสักอย่าง
- เป้าหมายหลักของปี 2017 คือมี moodswing น้อยลง ไม่รู้ว่าทำได้รึเปล่าต้องรอผลรีวิวเพื่อนร่วมงานปีนี้ วิธีแก้ปัญหาที่ทำอยู่คือ เมื่ออารมณ์ไม่ดีแล้วจะตัดรำคาญโดยไม่ยุ่งกับใครเลย ทุกคนจะได้ไม่สัมผัสเราในมุมที่ไม่น่ารู้จัก และใช้ Meme Therapy แต่ต้องเลิกประชดลงเฟสบุคเสียทีเพราะมันทำให้คนอื่นสะดุ้ง แต่มันสนุกอะ turning rage into some sentences is my guilty pleasure
- Hello mild undiagnosed anxiety บางวันนอนไม่หลับ กังวลอะไรไม่รู้แบบไม่มีเหตุ เลยกังวลว่าตัวเองจะเป็นโรคกังวล แถมกังวลต่อที่ตัวเองนอนไม่หลับกลัววันถัดมาจะพัง ลุกขึ้นมานั่งทำแบบทดสอบตอนตีสาม สรุปว่าได้คะแนนตํ่า (น่าจะไม่ได้เป็น) เลยนอนหลับลงได้ จริงๆไม่น่าจะเป็น แต่ชอบกังวลว่าตัวเองต้องเป็นอะไรสักอย่าง หรือนี่คือเป็น
- พี่เอกด่าว่าโง่ในมิติสัมพันธ์ เราว่าเราโง่ในความสัมพันธ์ สิ่งสามมิติ ระยะทาง เวลา ทิศทาง โง่ทุกอย่าง โง่ๆๆๆ
- รู้ตัวว่าเรายังเด็กมาก และเอาแต่ใจ เราไม่เคยคิดว่าตัวเองเอาแต่ใจมาก่อนเลย จนกระทั่งมีคนบอกเรา เราแค่คิดว่าเรามี Preference ที่ชัดเจนเฉยๆ ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรา snooze ไปก่อนเช่นการลงทุน การเรียนต่อ หรือเป้าหมายในชีวิต การได้สนิทกับคนที่โตกว่าเราทำให้ได้เห็นชีวิตในส่วนที่ยังไปไม่ถึง
- ชอบทุกปีมากกว่าปีก่อนหน้าเสมอ และหวังว่าจะชอบปีหน้ามากกว่าปีนี้อีก ถึงเราจะเหี้ยห่า ปากหมา จริงๆ เรามองโลกในแง่ดีมาก ปัญหาที่เรามีมักจะเล็กมากและดูจะคลี่คลายได้ ชีวิตคนอื่นดูโดนทำร้ายยิ่งกว่าเรามาก
- ทุกวันนี้ชอบคิดว่าชีวิตจริงคงไม่ดีเท่านี้ แต่นี่ก็ชีวิตจริงนี่ มองโลกในแง่ดีเกินไปใช่ไหม อาจเพราะเราขาดเป้าหมายที่ใหญ่ และอยู่ใน comfort zone มากเกินไป แยกตัวเองออกจากสภาพวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ การเมือง (สนใจแต่ไม่อยากให้มันมามีอิทธิพลเหนืออารมณ์เราได้)
- อยากสร้างงานที่มีคุณค่าในระยะยาว ไปชมสถาปัตยกรรมของอันโดะที่เกาะนาโอชิมาแล้วรู้สึกอิจฉาในความใหญ่จนเรารู้สึกตัวเล็กจ้อย และยาวนานของชิ้นงานคอนกรีต โลกออนไลน์มันสั้น ง่าย และไว ไม่ต้องยิ่งใหญ่เท่าเขาก็ได้ แต่อยากสร้างสิ่งที่จะอยู่นานๆ บ้าง รีบลดลงหน่อยนะ
- เข้าใจมวลชนมากขึ้น ต้องบอกตัวเองว่าเราไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเรา ความท้าทายคือหา intersect ของสิ่งที่เราสนใจกับสิ่งที่คนอื่นสนใจ ความไม่ยากไป ไม่ง่ายไป มันยากมาก อิจฉาและชื่นชมคนที่ทำงานออกมาพอดีๆ
- ก่อนปิดปีใหม่ฉันจะอ่าน pale fire ให้จบ ห่างเหินจากวรรณกรรมมามากไปแล้ว ปีนี้อ่าน non fiction ไปเยอะมากเพราะต้องเขียน จริงๆรากเราคือ fiction แต่มีความอดทนกับวรรณกรรมลดลงจริงๆ แต่กำลังชอบใจในวรรณกรรมแบบ Anti Novel เป็นความท้าทายของชีวิต
- ปีหน้าต้องออกกำลังกายจริงจังแล้ว อยากมีอายุยืนยาว เพื่อเรียนรู้เข้าใจมนุษย์ และอ่านหนังสือที่ซื้อเก็บไว้ได้โดยสวัสดิภาพและมีสุขภาพดี
- ความรักไม่มีอยู่ในนี้ ต้องมีด้วยเหรอ love is inevitable, relationship is optional. 💓
- ขอบคุณที่โลกนี้มี Deadline ไม่งั้นฉันคงไม่ได้ผลิตอะไรออกมาเลย
ในปี 1999 John Maeda ตั้งกฎในการทำงานของตัวเองขึ้นมา 4 ข้อ ปีหน้าขอลอกเลยละกัน
1. ไม่พูดว่าร้ายคนอื่น
2. หลีกเลี่ยงนิสัยดื้อเงียบ (passive aggressive)
3. ฟังให้กว้าง แต่หากตัดสินใจแล้วอย่าลังเลเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาในการตัดสินใจ
4. เมื่อทำผิด ยอมรับ ขอโทษ และก้าวต่อไป
อ่านเต็มๆ ได้ที่นี่