The Story of More: How We Got to Climate Change and Where to Go from Here เขียนโดย Hope Jahren
“เราจะอยู่อย่างไรในโลกที่มีจำกัด” 🌎

Hope Jahren เป็นนักวิทยาศาสตร์สาขา Geobiologist (ธรณีชีววิทยา) ผู้เติบโตมากับไร่ในรัฐ Minnesota เธอเล่าความภูมิใจและความเป็นมาของครอบครัวเกษตรกร พืชผลที่ครอบครัวเธอปลูก เธอค่อยๆ พาผู้อ่านสำรวจระบบทั้งหลายในสายพานของ supply ไปสู่ demand จากผลผลิตจากไร่จำนวนมากถูกนำไปเลี้ยงปศุสัตว์ อาหารส่วนที่เสียสิ้นไปโดยไม่เกิดประโยชน์จากการบริโภคมากเกินไป
ในขณะที่ประชากรจำนวนกำลังเผชิญภัยพิบัติขาดน้ำและอาหาร และถูกคุกคามจากภาวะ climate change รุนแรงโดยไม่มีทางหนีทีไล่ต้องจำยอมด้วยความเหลื่อมล้ำ
หนังสือเล่มนี้ๆ ค่อยๆ คลี่ปัญหาเกี่ยวกับ climate change โดยแสดงให้เห็นสายใยที่เชื่อมเราไว้กับระบบนิเวศอย่างหลีกพ้นไปไม่ได้ เครื่องจักรแห่งทุนนิยมที่หมุนไวขึ้น บริโภคมากขึ้น ทิ้งมากขึ้น ในโลกที่ทุกอย่างต้องเพิ่มขึ้นราวกับโลกนี้มีไม่จำกัด และประชากรกำลังจะมีมากจนล้นโลก และคนและสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกำลังจะได้รับผลกระทบโดยได้แต่เพียงจำนน
Jahren พาเราไปสำรวจจุดที่เชื่อมเรากับระบบทั้งมวล เชื่อมอดีตกับปัจจุบันและอนาคตที่กำลังสั่นคลอน การใช้ไฟฟ้า น้ำมัน การบริโภค ทุกสิ่งไม่ได้อุบัติมาให้เราแสวงหาประโยชน์ สร้างมูลค่า โดยต้องแสวงหาประโยชน์จากพื้นที่ ป่า น้ำ ดิน หรือเศษซากบรรพบุรุษที่กลายเป็นเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล
- อาหารและเชื้อเพลิงจำนวนมากสูญสลายโดยไม่เกิดประโยชน์กับใคร ความอดอยากไม่ได้เกิดจากความไร้สามารถจะผลิตอาหาร แต่คือความไร้สมรรถภาพในการกระจายและแบ่งปันสิ่งที่เราผลิตได้
- ความสำเร็จของมนุษยชาติในด้านสุขภาพ อายุขัยที่เพิ่มต่อเนื่องทั้งโลก และความสามารถในการปลูกพืชและปรับปรุงพันธุ์พืชที่ทำให้ไร่มีประสิทธิภาพกว่าแต่ก่อน
- มีคนเพียง 1/6 ของโลกใช้พลังงานครึ่งนึงของที่ทั้งโลกผลิตได้ คนจำนวนมากกว่ากำลังจะได้รับผลกระทบทางสภาพอากาศ มลพิษ ฤดูกาลไม่แน่นอน และชายฝั่งเสื่อมสลาย
- คนอเมริกันทิ้งอาหารมากถึง 40% ของที่ผลิตได้ มีคนอเมริกัน 4% ในโลกแต่บริโภคไฟฟ้า อาหาร พลังงาน มากถึง 15% ของโลก
- ต่อให้เราใช้รถจากพลังงานไฟฟ้า ไฟฟ้านั้นก็มีโอกาสจะผลิตจากถ่านหินหรือแก๊สธรรมชาติอีกต่างหาก
- เมื่อสัตน้ำที่จับได้ในมหาสมุทรไม่เพียงพอต่อความต้องการ เมื่อเกิดฟาร์มสัตว์น้ำจำนวนมากมารองรับ เกิดปฏิกูลเพิ่มมากว่าที่มหาสมุทรจะรับไหว
- พืชจำนวนมากถูกปลูกขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารให้สัตว์ ที่เราจะทิ้งให้เน่าไปอีกจำนวนมากเช่นกัน พร้อมกับสร้างคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก
ทั้งหมดนี้นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่จะทำร้ายชีวิตคนจำนวนมาก การขาดอาหาร ความยากจน และการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นำมาสู่ภาวะที่โลกจะเหลือสิ่งชีวิตจำนวนน้อยชนิดลงเรื่อยๆ ความหลากหลายระบบนิเวศพังทลาย เหลือเพียงสัตว์และพืชชนิดที่มีอยู่เพียงเพื่อให้มนุษย์แสวงประโยชน์ เพราะมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ
เคยอ่านเรียงความของ Hope Jahren บน Nautilus เป็นเรียงความวิทยาศาสตร์ที่มีความเป็นมนุษย์ มีความเป็นส่วนตัว ไม่มีความแห้งแล้งแข็งทื่อและเล่าข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น สวยงามอ่านง่ายมากๆ