First Published in The Jam Mag 2017
อย่าดูถูกมุกตลก คนเสิร์ชหา Meme มากกว่า Jesus
ในปี 2016 Google Trends เก็บสถิติการเสิร์ชหาคำต่างๆ ในกูเกิ้ลในช่วงเวลาที่ผ่านมา พบว่าขณะนี้สถิติจำนวนครั้งที่มนุษย์เสิร์ชคำว่า Memes ได้นำหน้าคำว่า Jesus ไปซะแล้ว แม้จะมีคนนับถือศาสนาคริสต์เป็นพันล้าน
‘มีม’ ได้กลายเป็นที่พึ่งทางใจของคนในโลก ไม่ว่าจะเป็นคนเพศไหน วัยไหน เชียร์การเมืองสายไหน การศึกษาสูงแค่ไหน นับถือศาสนาอะไร ชอบตลกแบบไหน โลกนี้มีมีมให้ทุกคน ทำให้คนแปลกหน้ามาขำเรื่องเดียวกันในชั่วขณะหนึ่ง ความตลก ความคลายเครียด ความง่ายของมีมทำให้เราได้หลีกภัยจากโลกอันโหดร้ายและยุ่งเหยิง นี่เป็นเหตุที่ทำไมประชาชนทั้งโลกจึงสร้างและส่งต่อมีมให้แก่กัน ส่งรูปหรือคลิปตลกให้ชวนขำสานสัมพันธ์ จีบกัน สร้างเพื่อน ตามความสบายใจ
แม้จะมองว่าเป็นของคลายเครียด ไม่มีสาระอะไร ดูเป็นของใหม่ แต่มีมมีแง่มุมเรื่องราวที่มาที่ยาวนานและลึกซึ้งกว่านั้น
ที่มาของมีม Where does the ‘meme’ come from?
ย้อนกลับมาดูว่าแล้ว ‘มีม’ คืออะไร เราน่าจะเห็นภาพคล้ายกันว่าเป็นภาพ/คลิปตลกๆ โปกฮา รูปแมว รูปเด๋อๆด๋าๆ เพี้ยนๆ ที่แชร์กันไปมาในเน็ตนับไม่ถ้วน มีมมักไร้เจ้าของ มักไม่รู้ว่าใครสร้างแน่ชัด
‘Meme’ เป็นคำสร้างใหม่ถูกประดิษฐ์โดย Richard Dawkins อยู่ในหนังสือ ‘Selfish Gene’ ตั้งแต่ปี 1976 เขานักวิทยาศาสตร์เซเล็บผู้เผยแพร่แนวคิดทฤษฎีวิวัฒนาการสู่มวลชนคนทั่วไป เขาให้คำจำกัดความไส้ว่า
“Meme’ คือ ‘ชุดข้อมูล แนวความคิด พฤติกรรม หรือสไตล์ ที่ถูกส่งต่อจากคนสู่คนในวัฒนธรรมหนึ่งๆ” โดยแปลงมาจากภาษากรีก mimētḗs แปลว่า ‘ผู้ลอกเลียนแบบ ผู้แกล้งทำ’
แนวคิดของมีมเกิดขึ้นบนโลกก่อนหน้านั้น ผ่านกราฟิติ้ชื่อว่า ‘Kilroy Was Here’ เกิดขึ้นในช่วงปี 1940s เริ่มจากในประเทศสหรัฐอเมริกา กราฟิตี้คือมีมในโลกจริงส่งต่อสู่สายตาคนทั่วไปตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตแพร่หลาย ‘Kilroy Was Here’ โผล่ไปทุกที่ ถูกผลิตซํ้า โด่งดังในช่วงสงครามโลก อยู่บนเรือรบอเมริกาจนทหารญี่ปุ่นงงงวยและเขียนบันทึกถึง เจ้าคิลรอยน้อยซ่อนแอบ ไม่มีใครรู้ใครเป็นผู้ริเริ่ม ถูกส่งต่อผลิตซํ้า ยํ้าว่าฉันเคยอยู่ตรงนี้ โผล่ไปทั่วตั้งแต่เมืองยันบนเขาเอเวอเรสต์
Science side of meme การส่งต่อข้อมูลคือการสืบพันธุ์
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผู้ที่คิดค้นคำว่า Meme จะเป็นนักวิทยาศาสตร์สาขาวิวัฒนาการเข้มข้น เขามองข้อมูลที่ถูกส่งต่อในสังคมว่าดำรงอยู่เหมือนสิ่งมีชีวิต เมื่อถูกผลิตซํ้าคือการสืบพันธุ์ สามารถเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง กลายพันธุ์ แข่งขัน ส่งต่อ และจะตายสลายไปหากไม่มีใครส่งต่อ จนเกิดสาขาวิชา Memetics คือวิชาที่ศึกษาการเผยแพร่ของข้อมูล เพื่อศึกษาโมเดลของวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตแบบดาร์วินผ่านการส่งต่อมีมต่างๆ หากไม่มีคนส่งต่อ มีมก็จะสูญพันธุ์ไปเหลือเพียงเศษซากมีมในความทรงจำ รอคนขุดมาใหม่ก็เกิดได้อีกครั้ง
Meme Trend เกิดง่ายดับไว ดูว่ามีมอะไรที่ฮิตอยู่
มีมที่ตรงใจและถูกส่งต่อ คือมีมที่ประสบความสำเร็จและยังมีชีวิต มีมที่ฮิตมักมีองค์ประกอบของความตลก เข้าใจง่าย ตรงใจ เข้าใจโลก เราอาจเห็นแนวโน้มว่าคนในโลกสนใจอะไร มี insight แบบไหนผ่านเทรนด์ของมีมที่ถูกผลิตขึ้น ถูกแชร์และส่งต่อ
ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ฉับไวและสมาธิสั้น มีมเกิดได้ง่ายและดับไปอย่างไว มีคนบันทึกข้อมูลความเคลื่อนไหวของมีมแต่ละหัวข้อไว้ในเว็บไซต์ Me.me สร้างโดย Evan Freitag อดีตนักวิจัยนาซ่าผู้เป็นนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลนาม สามารถค้นหา Meme ได้ตามความ tag และหัวข้อต่างๆมากมาย ส่องดูเทรนด์แนวโน้มความนิยมผ่านกราฟวงจรชีวิตการเกิดดับของมีมหัวข้อต่างๆ เปรียบเทียบว่าอะไรที่คนสนใจมากกว่ากันในระยะเวลาหนึ่งๆ
ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา Meme การเมืองถูกผลิตออกมากมายมหาศาล นอกจากจะเป็นของตลกขำขัน ในอีกมุมก็คึกคักมากเพื่อสื่อสารชวนเชื่อทางการเมือง การเลือกตั้งของสหรัฐในปีที่ผ่านมา มีการผลิตมีมอย่างบ้าคลั่งมาแข่งกันจากทุกฝั่งฝ่าย ไม่ว่าจะรักและหรือเกลียด จะชื่นชมหรือประชดสามารถผลิตและส่งต่อได้ผ่านมีมทั้งนั้น
Freedom of Formats มีมไม่เลือกสื่อ
สาระสำคัญของมีมในเน็ต คือส่งต่อความตลกหรือเนื้อหาที่หยิบมาย่อยจนง่ายสุดๆ เพียงชายตามองก็เข้าใจ ขำ และกดแชร์ไวๆ ไม่ว่าจะตลกขำขัน เซอร์ไพรส์ โง่เง่า น่ารักดี หรือตรงกับชีวิตจริง มีมสามารถเป็นสื่อแบบใดก็ได้ไม่จำกัดรูปแบบ จะเป็นภาพนิ่ง ไฟล์.gif ขยับเคลื่อนไหว วีดีโอ ชุดคำฮิต ประโยคเด็ด ความเชื่อ หรือ กิจกรรม (เช่น planking, ice bucket challenge) ความอิสระของสื่อที่บรรจุส่งต่อไปได้ด้วยอินเตอร์เน็ต แพร่ไว กระจายเหมือนไวรัส จากคนสู่คนผ่านการกดแชร์ของเรา
มีมอาจมองได้ว่าเป็นงานศิลปะชาวบ้านในเน็ต การสร้างมีมที่ไม่จำกัดอยู่ในวงแคบๆของผู้สร้าง content ใดใด ไม่ต้องเป็นนักออกแบบหรือศิลปิน ใครๆก็สร้างได้ มีมที่เราพบเห็นหน้าตาบ้านๆ อาจจะสามารถผลิตได้โดยไม่มีต้นทุนอะไรนอกจากความหัวใสและสกิลการแต่งภาพแบบพื้นๆ แม้ไม่สวยงามตามหลักของโรงเรียนออกแบบ ภาพก็อาจจะแตก เอามาจากคลังภาพที่มีอยู่ ฟอนต์อาจไม่สวยดูเชยเสร่อ ซื่อๆ ตรงไปตรงมา แต่ใครจะสนล่ะถ้ามันตลกหรือตรงใจก็ไปต่อได้
มีมเป็นของทุกคน ไม่มีใครเป็นเจ้าของมีม
ความผลิตง่ายของมีมทำให้มีมมีมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งผู้ผลิตและผู้เสพก็เพิ่มขึ้น เริ่มมีเพจหรือกลุ่มเกิดขึ้นมาเพื่อ Curate มีมตามประเด็นและกลุ่ม subcultre ต่างๆ เกิดศัพท์ใหม่ คำว่า Dank Meme คือปรากฏการณ์ที่คนรวมกลุ่มมาแชร์มีม แบ่งกันเสพ ตามหัวข้อที่สนใจ Dank เป็นคำสแลงของที่คนชอบเสพกัญชา แปลว่า ยอดเยี่ยม ของดี แต่ในที่นี้ถูกใช้ในเชิงประชด รวมมีมฮิตที่ถูกใช้จนเกร่อ แต่คนก็ยังจะแชร์ต่อ
ผู้หาเสียงพรรคเดโมแครตที่มีแนวคิดที่ก้าวหน้าแบบ Bernie Sanders ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนเขายังมีจำนวนไม่มากนัก ในการเลือกตั้งอเมริกาครั้งที่แล้วก็เกิดกลุ่มเฟสบุค Bernie Sanders’ Dank Meme Stash มีสมาชิกกว่า 400,000 คนในกลุ่มมาแลกเปลี่ยน ถกกันเรื่องมีมที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งในครั้งนั้น เกิดเป็นกลุ่มก้อนความเห็นที่ใหญ่มากที่มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในโลกอินเตอร์เน็ต ice bucket challenge เป็นมีมกิจกรรมราดนํ้าแข็งที่เกิดขึ้นที่ทำให้คนในโลกได้รู้จัก โรค ALS หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง เมื่อคนในสังคมสนใจ ก็อาจจะมีทุนวิจัยให้รักษาโรคนี้ได้หายไว้ขึ้น นโยบายสร้างความรับรู้และสื่อสารต่อมวลชนผ่านมีม
กระทั่งชนกลุ่มน้อยในสังคม เช่นกลุ่มคนข้ามเพศ กลุ่มวัยรุ่นผิวสี กลุ่มคนเป็นโรคซึมเศร้า กลุ่มคนทำเพลงแนวทางเลือก สามารถผนึกตัวรวมกันสร้างกลุ่มย่อยต่างๆ เพื่อมีอยากมีปากมีเสียง มีมุกตลกกันในกลุ่ม เกิดเป็นสหภาพย่อยๆที่ไม่เป็นทางการขึ้นทุกหย่อมหญ้า ใช้มีมเป็นอาวุธ เป็นกระบอกเสียงเพื่อส่งต่อเรื่องราวให้คนอื่นได้ยิน นักสังคมวิทยาหรือผู้ที่ศึกษาด้านวัฒนธรรม อาจหันมาต้องมาจดจ้องความสนใจของคนในสังคมผ่านการผลิตมีมที่ฮิต เพื่อส่องความเคลื่อนไหวในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในโลกที่เดียวดาย ทุกคนมีมีมที่ชอบต่างกันในใจ ใครก็ทำได้ ไม่มีใครเป็นเจ้าของชัดเจน เป็นอุดมคติแบบสังคมนิยม มีมเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง อารมณ์ขันที่ถูกเผยแพร่ไม่มีกำแพง มีมเปรียบเหมือนบทกวีของชาวบ้าน ไม่ต้องสูงส่ง ไม่ต้องตีความหรือจำกัดอยู่ในวงผู้มีปัญญาหรือฐานะ คนทั่วไปเข้าใจด้วยได้ มีมทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นมนุษย์ เพราะมีมที่ตรงใจอาจเล่าเรื่องที่ใช่ในชีวิตจริงที่หลายคนพบเหมือนกัน มีมทำให้เราพบคนแปลกหน้าที่ขำเรื่องเดียวกับเรา ทำให้โลกไม่รู้สึกว่าเหงาเดียวดายเกินไป
มีมได้แพร่ไปสู่ทุกวงการ ทุกศาสตร์ ทุกระดับ เริ่มขยายสาขาแวะมาแตะเรื่องยากๆ ไม่มีอะไรสูงส่งหรือซับซ้อนเกินมีมจะไปเอื้อมไม่ถึง คนในเน็ตแปลงทุกอย่างให้มีอารมณ์ขันและคลายเครียดได้
ไม่ว่าจะศาสนา ปรัชญา การเมือง นักวิทยาศาสตร์ หรือกระทั่งรูปภาพศิลปะคลาสสิก ไม่มีใครรอดพ้นจากการถูกนำมาดัดแปลงจนเกิดการใช้งานใหม่ในมุมมองที่บ้าบอคอแตก ต่อต้านท้าทายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสังคมและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นแนักปรัชญากรีก, นักเขียน, เล่าความทุกข์ของนักวิทยาศาสตร์, กลุ่มสังคมนิยมใหม่ที่แซ่บซ่า Sassy Socialist, มีมเกาหลีเหนือ, Classical Art Meme, นักจิตวิทยาในตำนานซิกมันด์ ฟรอยด์ หรือพลาโตก็โดนเอามาเล่นเป็นมีมได้ ท้าทายอำนาจและโครงสร้างแบบเก่าที่เป็นมา เกิดบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
ในไทยเอง เริ่มมีผู้ผลิตมีมศาสนาและการเมืองให้ตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นเพจน้อง, ไข่แมว, พระนพดล, พระเยซูเป็นคนคิด แว่บแรกบางคนรู้สึกหวั่นไหว สุ่มเสียงสองแง่สองง่ามท้าทายสายตาคนทั่วไปว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ จับเอาเรื่องยาก เรื่องสูงส่งที่พูดไม่ได้ แตะไม่ได้ เอามาเล่นให้เป็นเรื่องง่าย เรื่องตลกที่คนทั่วไปจะอินได้ จุดความสนใจให้ไปสืบค้นต่อ สร้างการจดจำและรับรู้ ถึงมีมจะตื้นและง่าย หากใครอยากลงลึกกว่าที่มีมมอบให้ก้ไปขุดต่อเอาเองสิ
อย่าดูถูกมีม
อย่าดูถูกมีมว่าเป็นของกากๆ โง่ๆ ทำง่ายๆ เป็นของฟรี ไม่มีรสนิยมและไม่มีราคา มีมมีอยู่มากเต็มโลกเน็ตไปหมด แต่น้อยอันที่จะสำเร็จและถูกส่งต่อไปจนแพร่หลาย มีเพียงมีมที่แข็งแรงเท่านั้นที่อยู่รอด ถูกจดจำ แม้ผลิตง่าย แต่ไม่ได้คิดได้ง่ายๆเลย คนที่สามารถสร้างมีมเก่งๆ คือคนที่เข้าใจจิตวิทยามวลชนจนน่ากลัว ต้องชื่นชมที่เขาสามารถหา insight ได้ตรงใจประชาชน มีมอาจเป็นกระบอกเสียงที่มีประโยชน์ในการเผยแพร่แนวคิดสู่มวลชน หรืออาจเป็นอาวุธโฆษณาชวนเชื่อที่น่ากลัวได้เหมือนกัน
คนส่วนใหญ่อาจไม่มีเวลาเขียนบทความยืดยาว ไปพูดต่อหน้ามวลชน หรือถกเถียงกันเคร่งเครียด เพื่อให้คนฟังเรา เห็นด้วยกับเรา แต่ทุกคนมีเวลาสร้างมีม
ซูซี่นักเรียนวัย 18 นักเคลื่อนไหวเพศ LGBTQ กล่าว
ไม่ว่าเราเป็นใคร หากมีเรื่องอยากบอกมวลชน อยากให้เขาสนใจ อยากหากลุ่มคนที่คิดเห็นตรงกับเรา หากอยากจะเผยแพร่ไอเดียไปสู่มวลชนในวงกว้าง ลองหันมาสร้างมีมสนุกๆ ย่อยความในใจ ความคิดที่อัดอั้น ตัดให้สั้นของเราให้กระชับจนเป็นเหลือแค่สิ่งที่เสพง่ายๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากเสพมีม แชร์มีม และทำมีม อย่าลืมกลับมาอ่านสาระสำคัญของสิ่งที่เรากำลังเรียกร้องด้วยล่ะ 🙂
การเลือกตั้งครั้งหน้า (หากยังมีหวังจะได้เลือกในประเทศแถวๆนี้) อาจจะต้องเปลี่ยนจากการสร้างป้ายหาเสียงมาสร้างมีมแพร่ไปในเน็ต ขายอ้อมๆให้ตรงใจและตลก ที่ทำให้ผู้คนสนใจเผยแพร่แชร์ได้ง่ายๆ ในสังคมไทยสมาธิสั้นที่รักอารมณ์ขันนี้
Reference
https://broadly.vice.com/en_us/article/how-meme-culture-is-getting-teens-into-marxism
http://reallifemag.com/the-poetry-of-digital-life/
https://thenextweb.com/shareables/2016/10/27/memes-jesus/#