My Year of Rest and Relaxation โดย Ottessa Moshfegh เล่าตามติดชีวิตตัวละครหญิงสาวไม่ระบุชื่อ ชีวิตไร้จุดหมาย เต็มไปด้วยเรื่องน่ารำคาญและความทรงจำที่ไม่สวยงาม เธอเลยตัดสินใจจะนอนทิ้งนอนขว้างเป็นเวลา 1 ปีเต็มมมม เธอเป็นผู้มีอันจะกิน หุ่นดี มีรสนิยม มีมรดกจากพ่อแม่ที่ตายก่อนวัยอันควร เธอไม่ต้องทำมาหากินได้อีกนาน
OH, SLEEP. Nothing else could ever bring me such pleasure, such freedom, the power to feel and move and think and imagine, safe from the miseries of my waking consciousness.
There was no sadness or nostalgia, only disgust that I’d wasted so much time on unnecessary labor when I could have been sleeping and feeling nothing.
เกิดขึ้นในปี 2000-2001 ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นเหลือเกินในนิวยอร์กก่อนเหตุการณ์ 911 ตัวละครหญิงสาวคนนี้ มี privilege พร้อมทุกอย่าง มีรูปร่างหน้าตาดี ผอม สูง ผมบลอนด์ มีฐานะ แต่ชีวิตกลับไร้จุดหมาย แต่กลับไม่มีแรง ไม่มีแพชชั่น ไม่มีความฝันอะไร ไม่มีจุดมุ่งหมายอะไร สิ่งเดียวที่เธอมีแพชชั่นคือการนอน แล้วทำไมไม่นอนไปสักปีนึงเลยล่ะ เผื่ออะไรจะดีขึ้น ปีนั้นมีการเลือกตั้งระหว่าง Bush กับ Gore มีเรื่องราวมากมายในนิวยอร์กแต่ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย
Bush versus Gore for president. Somebody important died, a child was kidnapped, a senator stole money, a famous athlete cheated on his pregnant wife. Things were happening in New York City—they always are—but none of it affected me.
Compared to me, she was “underprivileged.” And according to her terms, she was right: I looked like a model, had money I hadn’t earned, wore real designer clothing, had majored in art history, so I was “cultured.”
เมื่อจบการศึกษาจาก Columbia สาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ เธอไปทำงานเป็นผู้ช่วยในแกลลอรีศิลปะชิคๆ อยู่พักหนึ่ง แต่ไฟในในการทำงานก็ดับมอดลงรวดเร็ว ถ้าเธอพ่อแม่ไม่รวยก็คงไม่สามารถจะอยู่อพาร์ทเมนต์ในแมนแฮตตันได้ เธอแอบไปงีบหลับในห้องเก็บของและทำงานพลาดแบบตั้งใจ แถมรำคาญคนในซีนศิลปะ เล่าถึงซีน Contempary Art แสน Absurd ศิลปินจีนมาแรงผู้สร้างงานศิลปะจากศพหมาพูดเดิ้ลของตัวเองเพื่อ Publicity
The illusion of fateful realization. He wasn’t interested in understanding himself or evolving. He just wanted to shock people. And he wanted people to love and despise him for it. His audience, of course, would never truly be shocked. People were only delighted at his concepts. He was an art-world hack.
การจะนอน 1 ปี ก็ต้องการการวางแผนทีดี เธอลงทะเบียนคนว่างงาน ศึกษายานอนหลับประเภทต่างๆ และแสวงหายานอนหลับชนิดแรงโดยโกหกหมอว่า นอนไม่หลับจนได้ยาแรงขึ้นเรื่อยๆ จัดการจ้างบริการให้คนมา pick up ซักรีด ทำความสะอาด ส่งอาหารตามวัน ตั้งระบบจ่ายเงินอัตโนมัติทุกอย่าง ซื้อเทปวีดีโอเก่ามาดูฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ในช่วงรอยต่อระหว่างการนอน โดยแผนเธอคือจะหลับไปเรื่อยๆ สัก 1 ปี โดยหวังว่าชีวิตของเธอจะคลี่คลาย หวังว่าถ้าได้นอนเยอะมากพอ เธอจะเหมือนเกิดใหม่ กลายเป็นคนใหม่ที่เปลี่ยนแปลง ทุกเซลล์ในร่างได้เกิดใหม่จนลืมเรื่องราวในอดีตให้พ้นไป
ต่อให้เธอไม่ดูแลตัวเอง นอนหลับไปวันๆ เพื่อนสาวของเธอก็ยังบอกว่าเธอดูเหมือน Angelina Jolie ใน Girl Interrupted 555 พอนอนๆ ไป เธอก็ดันได้ลุคสวยผอม Heroin chic แบบ Kate Moss ยุค 90s 5555


แต่ความพยายามจะนอนหลับไปของเธอก็มีอุปสวรรคมาขัดขวาง บางครั้งเธอหลับไปยาวๆ สามวัน แต่ตื่นมาพบว่าตัวเองละเมอไปทำนู่นนี่โดยไม่รู้ตัว ละเมอทำตัวเป็นชะนีสาวไฮโซตามสันดานเดิมของตัวเอง ละเมอไปทำสปาขัดผิว ตื่นมาส้นเท้าเนียนเรียบ ไปทำเล็บ ละเมอไปตัดผม ไปแว็กซ์ขนขา ละเมอโทรหาผัวเก่า ละเมอไปหาเสื้อโค้ตขนสัตว์แพงๆ มาใส่ ละเมอชอปปิ้งออนไลน์เสื้อในวาบหวิววิคตอเรียซีเคร็ท ละเมอนั่งรถไฟไปงานศพแม่เพื่อนที่เธอตั้งใจจะทำเบลอๆ ไป ละเมอไปงานสังสรรค์กับศิลปินร่วมสมัยได้รูปโพลารอยด์ติดมือกลับมา คนเกิดมาสันดานรวย หลับไปก็ยังเผลอไปกิจกรรมชะนีรวย เธอหักบัตรเครดิตทิ้งและโทรไปยกเลิก สักพักก็มีคนส่งมาใหม่ที่บ้าน 555 ตลกมากกก
Sleepwalking, sleeptalking, sleep-online-chatting, sleepeating—that was to be expected, especially on Ambien. I’d already done a fair amount of sleepshopping on the computer and at the bodega.
ด้วยความเป็นนางรวยๆ ที่ไม่แคร์ใคร มีนิสัยส้นตีนพอสมควร 555 เธอเย็นชาและห่างเหิน เธอมีเพื่อนน้อยมาก คือ 1 คนถ้วน สาวชะนีนาม Reva อีสาวจากชานเมืองที่พยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อ fit in ในสังคม New York Reva เป็นอีนางขี้อิจฉา สนใจแต่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก สถานะ หล่อนไม่พอใจในตัวเอง มีอยากได้อยากมีอยากเป็น และพยายามไต่เต้าทางสังคมจนตัวเอกสมเพชนาง ชีวิต Reva ติดอยู่ในวังวนของการลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพดี ไปยิม และการเป็นบูลีเมียที่แอบอ้วกในห้องน้ำ การต่อสู้กับตัวเองเพื่อ Bikini Body มีหนี้บัตรเครเครดิตและหนี้จากค่าเรียนมหาลัย นางมีอาขีพเป็นเลขาที่นอนกับบอส ชอบอ้างอิงประโยคจากกูรูสร้างแรงบันดาลใจ และมีหนทางการดำเนินชีวิตตาม hype ใหม่ไปเรื่อยๆ เธออ่านหนังสือที่ฮิต ไปเวิร์คชอปพัฒนาตัวเอง แบบคนที่กำลังพยายาม ซึ่งเธอก็ไม่ได้รักใคร่อะไรกับเพื่อนคนนี้ แม้อีตัวเอกจะพูดจาแย่ๆ กับนาง ดูถูกกระเป๋ากุชชี่ปลอมของนาง บอกเลิกเป็นเพื่อน หล่อนก็ยังเป็นคนเดียวที่โผล่มาเยี่ยมเยือน แนะนำ และตักเตือนให้ดูแลตัวเองพร้อมแนบคำคมที่บอกให้สาวๆ “ live up to their full potential.”
“Charm is not a hairstyle. You either have it or you don’t. The more you try to be fashionable, the tackier you’ll look.”
I preferred my VHS tapes, but Reva always wanted to see whatever movie was “new” and “hot” and “supposed to be good.” She took it as a source of pride that she had a superior knowledge of pop culture during this period. She knew all the latest celebrity gossip, followed the newest fashion trends. I didn’t give a shit about that stuff.
เธอเดทกับผู้ชายที่แก่กว่าทำงานการเงินอยู่ที่ Word Trade Center แม้เธอจะสวยและรวยมาก เขาไม่เคยคิดจริงจังกับเธอเลย เหมือนเป็นอีนางที่ไว้หลับนอนชั่วคราวคั่นเวลาเพื่อเรียกความมั่นใจช่วงที่ความสัมพันธ์ที่จริงจังพัง แต่อีผัวพาร์ทไทม์นี่ก็ทรีทเธอบัดซบมากโดยบอกว่า “You’re too much on the surface. … It’s hard to look past what you look like.”
เธอชอบเขามากและยังพูดถึงอยู่บ่อยๆ โดยเปรียบเทียบเขากับไม่ใช่หนุ่มอาตฮิปสเตอร์รุ่นราวคราวเดียวกับเธอที่ผอมแห้ง และมั่นหน้าในรสนิยม อ่านนีทเช่ และ Proust แต่ดันเหมือนๆ กันไปหมด อีนี่คือรำคาญด่าเขาไปทั่วจิง น่าตบดีชอบ 555
As an art history major, I couldn’t escape them. “Dudes” reading Nietzsche on the subway, reading Proust, reading David Foster Wallace, jotting down their brilliant thoughts into a black Moleskine pocket notebook. Beer bellies and skinny legs, zip-up hoodies, navy blue peacoats or army green parkas, New Balance sneakers, knit hats, canvas tote bags, small hands, hairy knuckles, maybe a deer head tattooed across a flabby bicep. They rolled their own cigarettes, didn’t brush their teeth enough, spent a hundred dollars a week on coffee.
The worst was that those guys tried to pass off their insecurity as “sensitivity,” and it worked. They would be the ones running museums and magazines, and they’d only hire me if they thought I might fuck them.
แม่ของเธอก็ติดกับของความสวย แม่เธอเป็นอดีตนางงามที่ดันท้องตอนยังเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่พร้อมสลัดชีวิตสังคม แต่งงานกับพ่อของเธอที่ก็เป็นคนรวยๆ แม่เลี้ยงเธอแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ให้พี่เลี้ยงแม่บ้านจัดการไป ให้ทุกอย่างตามที่ควรจะต้องให้ เมื่อพ่อของเธอตาย แม่ก็กินยากับเหล้าจนตายไปเพราะไม่รู้จะอยู่ทำไม เมื่อพ่อของเธอตาย มีคนมากมายมางานเพราะเขาคือคนสำคัญในวงการวิทยาศาสตร์ แม่เธอนั่งเซ็งอยู่ในงาน เมื่อแม่เธอตายไป ในลิสต์คนที่แม่เธออยากให้มาในงานศพ ชื่อเธอคือลำดับที่ 6 จาก 25 คน สิ่งที่เธอกับแม่ทำในวัยเด็กแล้วมีความสุขคือการนอนหลับให้เวลาผ่าไปด้วยกัน เบื่อก็ไม่ต้องไปเรียนแม่ก็ขี้เกียจไปส่งเหมือนกัน เธอเห็นแม่เป็นปลาสวยในตู้ที่ว่ายวนไปเรื่อยๆ มีชีวิตซ้ำๆ ที่น่าเบื่อ
“I remembered watching her ‘put her face on,’ as she called it, and wondering if one day I’d be like her, a beautiful fish in a man-made pool, circling and circling, surviving the tedium only because my memory can contain what is imprinted on the last few minutes of my life, constantly forgetting my thoughts.”

ตั้งใจว่าจะอ่านเล่มนี้ตอนช่วงปิดปีใหม่ แต่พอมาแวะอ่านก็เพลินมากกกก จบไปในเวลา 2 วัน ด้วยความสะใจ 555 มีคนบอกว่าให้เป็น mentally ill girl starter pack 555555 เรื่องนี้ Yorgos Lanthimos [ผู้กำกับ Dogtooth, Lobster] กำลังจะทำเป็นหนังด้วย รออออออ 555


ความสนุกของนิยายเรื่องนี้คือการตามติดชีวิตที่ Unlikeable Characters ผู้อ่านได้ตามดูหญิงสาวที่มีทุกอย่างแต่กับ Miserable คนที่ไม่มีความพยายามและความพึงพอใจใดๆ ดูนางปล่อยเวลาให้หมดไปแบบไม่แคร์ คือมีเอเนอจี้แบบ Bojack Horseman มากกกก (แต่ร่างยังเป็น Sarah Lynn 55) มีคนบอกว่าลุ้นให้นางถึงจุดพีคออกมายิงกราด เป็นฆาตกรต่อเนื่องแบบ American Psycho หรือไปร่วมกลุ่มก่อการร้าย แต่นางก็ขี้เกียจและไม่แคร์กว่านั้นมาก กูแค่อยากนอนนนนนนน โดยหวังว่าจะการนอนคือการ Metamorphosis เพื่อให้ชีวิตนำพาไปสู่สิ่งใหม่ๆ หลุดคราบจากที่สังคมคาดหวัง ไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องสนใจ แค่นอน เป็นนางผีเสื้องามที่รำคาญจนอยากกลับไปอยู่ในดักแด้ ไม่รู้สึกอิจฉาหรือรำคาญนางเลย รู้สึกจริงใจกับความห่าของตัวเอง
ความสะใจของการอ่านเรื่องนี้คือ ลึกๆ เราต่างก็อยากลองเป็นคนที่ไม่ต้องพยายาม แค่นอนหลับไป ไม่ต้องผลิตอะไร ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง อยากลองเป็นรวยเหี้ยๆๆๆ รวยจนนอนเฉยๆๆๆ ให้วันหมดไป รวยจนไม่ประทับใจหรือแสวงหาอะไร รวยแบบที่ไม่ต้องแคร์ใคร รวยแบบไม่หลอกคนอื่นว่าเราพยายามมากเลยนะคะ รวยแบบไม่ต้องผลิตอะไร ไม่อยากปีนป่ายบันไดสังคม ไม่รู้จะปีนไปไหน เพราะอยู่ใน top 1% แล้ว ในขณะที่ความรวยก็ทำให้เกิดกิจกรรมนอนข้ามปีนี้ขึ้นมาได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด สะท้อนสังคมทุนนิยม มีทนายและผู้ดูแลทรัพย์สินโทรศัพท์หรือส่งจดหมายมาแจ้งเรื่อยๆ ว่าช่วงนี้คือควรซื้ออะไร ขายอะไร
อ่านจบแล้วก็อยากนอนทิ้งนอนกว้างสัก 1 ปี 55555555