Half Year 2022: Mental Health Checkup 🌸🌸🌸
คุยปรึกษากับนักจิตวิทยาครั้งแรก ตื่นเต้นมาก จริงๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเร่งด่วนรุนแรง แต่ออฟฟิศเพิ่งมีสวัสดิการปีแรกก็เลยอยากลอง ถามเพื่อนที่เคยลองก็บอกว่าลองไปดูเถอะก็จะรู้เอง และครบครึ่งปีพอดี มีน้องนัทแนะนำ กับน้อนริน แฟนพัดดี้มาเชียร์อีกคน 🙏 บางคนก็บอกว่านึกว่าเขาจะแก้เครียดได้จริงๆ ก็ไม่ช่วย
ตอนแรกรู้สึกกลัวเพราะไม่เคย กลัวไม่รู้จะคุยอะไร ชีวิตไม่ได้มีเรื่องเครียดเร่งด่วน ชีวิตจืดๆ เรื่อยๆ ไม่เข้มข้น ไม่ดราม่า ออกจะน่าเบื่อ นิ่งๆ กลางๆ เลยทำการบ้าน คืนก่อนหน้านั่งทดว่าจะพูดอะไร
สรุปเลือกคุยเรื่อง “ความรู้สึกกังวลที่ตัวเองไม่ค่อยพาตัวเองไปหาทำ เราอยู่ใน safezone / comfort zone ไปรึเปล่า?”
โดยรวมคือไม่กี่ปีที่ผ่านมา รู้สึกว่าตัวเองเองกลัวลำบาก กลัวทุกข์ เลือกเพลย์เซฟตลอดมา แต่ก็รู้สึกไม่ซู่ซ่า โดยรวมไม่ได้เป็นปัญหามาก ชีวิตดำเนินไปได้ แต่ก็รบกวนจิตใจเรื่อยๆ พอนานๆ ไปชักไม่แน่ใจละ รู้สึกชีวิตเรื่อยเปื่อย ไม่มีเป้าหมาย แต่อีกใจก็สุขสบายดี คนรอบตัวไม่ toxic งานที่ทำก็ค่อนข้างจะตอบโจทย์ความสนใจ และชีววิต หรือเราแค่เบื่อเพราะโควิดทำให้อยู่แต่บ้าน พอออกจากบ้านก็เหนื่อยวุ่นวาย
สังเกตว่าในไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายๆ ครั้ง เราค่อนข้างกังวล เมื่ออยู่ในสภาวะที่มี unknown factor เยอะ ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่แน่ใจ เราเลือกจะถอนตัวก่อนตลอด ไหวตัวทัน ไม่พาตัวเองไปผูกกับภาระที่ดูเป็นทุกข์ในอนาคต แต่ก็เป็นกลไกป้องกันตัวเองดีเกิน จนรู้สึกไม่เติบโต ทั้งที่ชีวิตยังอีกไกล ถ้ารู้สึกไม่คุ้มสู้ ไม่คุ้มเครียด ไม่คุ้มเหนื่อย ไม่คุ้มทุกข์เมื่อไหร่ ถอนเลย
แต่ๆๆๆ ในขณะเดียวกันสิ่งนี้ก็เซฟเราหลายครั้งจากความปวดกบาล เสียเวลา เสียความรู้สึกล่วงหน้า 🥲 ก็เลยงงว่าเป็น นี่ปัญหาไหมวะ แต่ก็รู้สึกนับถือทุกคนที่ยังคงความหาทำไว้ได้เต็มเปี่ยม ทำนู่นนี่โดยไม่คิดมากทำเลย เรานี่คิดเรื่องพลังงาน เวลา ตลอดเวลา
พอได้คุยกับนักจิตวิทยา เรื่องที่น่าแปลกใจคือ ขณะที่เราสงสัยว่า “ทำไมเราไม่ออกจาก comfort zone เรารออะไรนะ ทำไมต้องรอคนกดปุ่มสตาร์ทให้ หรือมีใครมากำหนด deadline” แต่พี่นักจิตถามว่า “แล้วทำไมเราต้องอยากออกจาก comfort zone นะ อะไรที่ทำให้เปนทุกข์จนรู้สึกไม่สบายใจ”
เออนั่นดิ อันนี้ คิดนานเลย 55 ทำไม comfort มันไม่ค่อยสุขสบาย รู้สึกกังวลเหมือนมีอะไรอยากดันให้ไปข้างหน้า แต่ก็มีอะไรมาดันให้อย่าไปเลย อยู่นี่แหละ
ตอบไปว่า “ชีวิตเรามีอายุขัยยาวนาน เราควรต้องไปเจอประสบการณ์หลากหลาย ได้ลองสัมผัสอะไรที่ไกลจากตัวเอง มีขอบ spectrum ที่เราไม่ได้ไปสัมผัส เราอยู่ตรงกลางๆ มันไม่ตื่นเต้น ทุกวันนี้ตอนนี้เราอยู่แต่สภาพแวดล้อมมีตัวแปรควบคุมได้ รู้สึกไม่พอใจ 555”
พอมองไปลึกๆ ก็คือเราสนใจหลายสิ่ง อยากเห็นโลกและคนหลากหลาย แต่ก็ไม่อยากพาร่างกายไปเสี่ยง (มีคนบอกว่าเหมือนเอา bubble ห่อตัวไว้ตลอดเวลา) 555
จริงๆ ก็พยายามคิดสกีมที่เล็กก่อน อีกใจก็คือ เราอาจจะแค่เบื่อจากการอยู่บ้านนาน เช่น
- ลองย้ายที่อยู่
- ลองลงเรียนอะไรสักอย่างที่ห่างไกลจากอาชีพ ความสนใจปัจจุบัน
ที่ผ่านมามีแต่กิจกรรม passive เช่น ดูหนัง อ่านหนังสือ แต่ตอนนี้ กิจกรรมเหล่านั้นชักจะไม่ตื่นเต้นละ หรืออีกทางก็คิดว้า เราว่างไปเหรอเลยมีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้ งง (จริงๆ คือยุ่งมาตลอดครึ่งปี เพิ่งว่างอีกรอบ และกำลังจะลาพักร้อน 10 วันปิดเทอมครึ่งปี) 😂😂😂
ถ้าแผนแบบยาวๆ ก็คือเรียนต่อที่คิดมานานและแต่ถึงเวลาก็ไม่ดำเนิน ไม่รู้รออะไร แบบใหญ่เว่อคือเปลี่ยนอาชีพ ไปเรียนป.ตรีใหม่ อันนี้หาทำสุด 555 ทุกปีเริ่มต้นก็คิดว่า โอเคปีนี้แหละเราต้องจริงจังละ สบายมานาน สุดท้ายก็มีอื่นๆ มา takeover แล้วเวลาก็หมดไป 55
ฟัง podcast เรื่อง regret เขาบอกว่าคนเรา regret เรื่องที่ทำไปแล้วไม่เท่าเรื่องที่ไม่ได้ทำ ยิ่งเรื่องที่เล็กๆ แต่ทำไมเวลาผ่านไปยังรบกวนจิตใจ อันนี้แหละน่ากลัว 🥲
Haunted by Regrets and Bad Experiences of Other People’s suffering
นักจิตวิทยาเขาก็ถามว่า “ทำไมสิ่งที่เราอยาก achieve มันต้องคือ extreme ถึงจะคุ้ม” คือมันไม่ได้เป็นปัญหาเร่งด่วน เข้มข้น เลยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ตอนนี้ชีวิตทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน เพื่อน คือคนที่เราไว้ใจ สบายใจ ไม่ toxic ประหยัดพลังงาน แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่ตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงมะวะ วนไป 5555
เราบอกว่า ถ้าเลือกของที่ดูทำได้แน่ๆ ก็ยังรู้สึกไม่หลุดจากคอมฟอร์ทโซน ยังไม่พอใจ แต่พออยาก achieve ที่ยากไปแค่คิดก็เหนื่อย ไม่คุ้ม 555 ดูยาก ดูเหนื่อย ดูลำบาก ไม่อยากตัดสินใจไม่มีอะไรมาบังคับว่าต้องรีบ ก็รอไป ไม่รู้รออะไร
ระหว่างทางเขาก็พยายาม rephrase ประโยคเราเรื่อยๆ สะท้อนกลับ และทดสอบความเข้าใจ บางทีที่เขาพูดก็รู้สึกไม่ตรง หรือบางที ก็เออ เฮ้ยไม่เคยมองมุมนี้ ซึ่งเราก็ discuss กันไป คุยไปมาก็ครบชม. เฉย จากไม่รู้ว่าจะคุยอะไร (คือจริงๆ ก็เป็นคนพูดได้เรื่อยๆ 😂) เช่น เขาถามว่าเรารู้สึกอิจฉาคนที่ไปเสี่ยงหาทำแล้วสำเร็จเหรอ ไม่ได้แย้งเขาแต่ พอมานั่งนึก เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อิจฉา รู้สึก appreciate แต่น่าจะรู้สึกเสียดายศักยภาพตัวเองมากกว่าว่าเราก็ทำไรได้หลายอย่าง แต่ถ้าไม่มีคนบอกให้ทำ หรือมาขอร้องให้ทำก็จะอยู่เฉยๆ รู้สึกไม่อยากวุ่นวาย ถ้าใครมากดดันด้วยอายุก็จะรู้สึกว่า เฮ้ยชีวิตเรายาวนะ เราอยากทำไรเวลาไหนก็ทำได้ และมีความเป็นไปได้มากมาย 5555
พอเขาถามว่า หรือว่าในอดีตเราไปเจออะไรที่ถูกกระทำไม่ดีมาเหรอ ถึงได้กังวลกับการออกนอก comfort zone เราก็พบว่า จริงๆ เราก็รู้สึกตัวเองโชคดี เหมือนไม่เคยต้องพยายามไป send request แค่เลือกจากที่มีวางอยู่ เราเล่าว่า แต่ที่รบกวนจิตใจจริงๆ คือ ที่ผ่านมา พอเราเห็นคนอื่นเป็นทุกข์ โดนเอาเปรียบ เหนื่อยล้า โดนทรีตโดยไม่ยุติธรรม ทำให้เรารู้สึกระวังตัวและกลัวการเปลี่ยนแปลงไปโดยปริยาย เพราะความเปลี่ยนแปลงไม่รู้จะนำพาอะไรมา ไม่อยากพาตัวเองไปเสี่ยงในสถานการณ์ที่อาจจะเจอความทุกข์ที่คนอื่นเจอ ก็เลยลิมิตตัวเองตลอด 555 (ตอนพูดเรื่องคนอื่นน้ำตาคลอเฉย 🥲)
พอคุยเสร็จรู้สึกเห็นเป็นรูปธรรมขึ้นพบว่าตัวเองอาจจะได้รับผลกระทบจากคนรอบตัว และ “คนอื่น” อาจผลต่อการตัดสินใจในระยะยาวโดยไม่รู้ตัว แม้เราจะคิดว่านี่คือเรื่องของเรา คนอื่นไม่เกี่ยวข้อง เราก็ reflect ว่าการคิดที่เราคิดมากเรื่องคนอื่น เรามองว่ามันคือ external causes ที่น่าแปลกใจ แต่เขาก็บอกว่ามันน่าจะสะท้อน internal เรามากกว่าว่าเรารับรู้และ process สิ่งที่เราประสบภายนอกยังไง 🥺
ผลก็คือ รู้สึกอยู่ไปเรื่อยๆ ไม่ทุกข์ มันก็หาอะไรให้ distract ไปได้เรื่อยๆ แต่ละวัน แต่รู้สึก passive มากๆ แต่รู้สึกมันไม่ flourishing ไม่เติบโตทางจิตใจ กาย ทักษะ เลยกลายเป็นรอให้คนมาชวนทำนู่นนี่ไปเรื่อยๆ เหมือน respond to quest เลือกเอาเท่าที่มีวางมาในถาด รู้สึกไม่มีเจตจำนงเป็นของตัวเองเขาก็ฟังแล้วบอกว่า เท่าที่พูดมาก็ดูไม่ได้ไม่มีนะ โอเคพูดวนหลายรอบ จริงๆ ก็มีแค่นี้แหละ
สรุปว่า
เออดีเหมือนกันที่ได้คุยกับคนที่ไม่รู้จักเราเลย แต่เขาก็ดูพยายามฟัง หลายเรื่องเราก็ข้ามรายละเอียดไป สรุปก็คือได้ reflect ขยายผลเรื่องที่ไม่ชัดเจนในใจให้ชัดขึ้น จริงๆ สิ่งนี้รันเป็น background ที่กินแรมมาตลอด เหมือนเป็นบั๊กที่ไม่ได้แก้ แต่ชีวิตประจำวันและหารงานก็ยังฟังก์ชั่นปกติ ถ้ายุ่งก็ลืมไป ถ้าว่างก็กลับมาคิดใหม่ แต่ก็รู้สึกว่าทุกข์ของเราเล็กนิดเดียวเทียบกับปัญหาของชาวบ้าน แต่อย่างไรก็ดีที่ได้พูดออกมาและทำให้มันชัดเจน ใคร่ครวญได้ชัดขึ้น
เขาบอกว่าหลายอย่างเรายังพูดไม่ชัดเจน เช่น สถานการณ์ที่เราไม่อยากเจอคืออะไร ได้การบ้านเก็บไปคิดต่อ รอ session ต่อไป พยายามอดใจไม่ถามหลายๆ เรื่อง คือพูดเยอะแล้วเหนื่อย แต่ session นี่คือเรื่องของเรา เขาต้องฟัง บางห้วงบอกพี่พูดบ้างก็ได้นะหนูพูดเยอะแล้ว เขาก็บอกว่าหน้าที่เขาคือฟัง 5555
เบื้องต้นเดี๋ยวจะลาพักร้อน 10 วัน หลังจากนี้อาจจะคลี่คลายเพราะจริงๆ แค่เบื่อรึเปล่า 😂
จบการรีวิว
พี่แมคบอกว่าขนาดฉันยังมีเรื่องคุยกับนักจิตวิทยาได้ใครก็ไปคุยได้แน่ๆ ถ้าเบื่อ เครียด ก็ไปลองได้ค่า ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ก็สนุกดี ใครสนใจไปใช้บริการ เชิญที่ Knowing Mind Center
ภาพด้านล่างคือทดการบ้าน 5555
